วันศุกร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2554

การเดินทางย้อนรอยสถาปัตยกรรมพื้นถิ่น (วันที่ 9) วันสุดท้าย

วัดราชบูรณะ
วันสุดท้ายของการเดินทาง เมื่อลงจากรถ ข้ามสะพานมาอีกฝั่งหนึ่ง เข้าสู่วัดราชบูรณะ เมื่อเริ่มเข้ามาภายบริเวณของวัดจะถูกดึงดูดสายตาด้วยอาคารวัดสีขาวประดับตกแต่งลวดลายส่วนหลังคาด้วยสีสันที่โดดเด่น 


แต่ ความน่าสนใจของวัดนี้คือ ส่วนด้านข้าง เป็นอาคารวัดเก่าที่มีการเล่นของรูปด้านที่เป็นรูปทรงที่เรียบง่ายมีการ ประดับประดาส่วนปลายด้วยนาค 3 เศียร ที่เป็นลักษณะ 3 มิติ ส่วนภายในจะเป็นการเน้นการใช้งานที่คำนึงเรื่องแสงธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่ จะเห็นจากการเลือกใช้วัสดุและสีต่างๆ ที่นำมาใช้เป็นพื้นผิวที่ขรุขระ เพื่อช่วยใช้แสงที่ปรากฏขึ้นเกิดการตกกระทบ หักเหกัน และสีทองนี่เองที่จะช่วยขับผิววัสดุ เพิ่มความสว่างไสวในที่มืดสลัวได้





วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรวิหาร
สถานที่สุดท้าย วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรวิหาร เป็นสถานที่สุดท้ายของการเดินทาง เปรียบเหมือนการคลี่คลายรูปแบบของสถาปัตยกรรมที่ผ่านมาทั้งหมด แนวความคิดเกี่ยวกับการก่อสร้างหลังคาและการแบ่งพื้นที่ใช้งาน กลอุบายในการสร้างความสัมพันธ์ทางงานสถาปัตยกรมทั้งสองยุคสมัยให้รวมอยู่ใน สถานที่เดียวกัน


จาก โถงทางเข้าด้านหน้าที่มีความกว้างใหญ่โต เพื่อรองรับผู้คนจำนวนมาก เนื่องจากเป็นวัดใหญ่ เข้ามาภายในจะเจออุโบสถเป็นอันดับแรก แล้วจะเจอแยกทางเดินอาคารรอบด้าน ซึ่งโดยปกติก็ต้องเดินเวียนขวา มีการจัดวางพระพุทธรูปเป็นแนวยาวหันออกสู่ด้านนอก ปิดผนังทั้งสองด้าน ตามแบบสุโขทัย ไล่ไปจนถึงโถงแยกส่วนกลาง เป็นจุดหยุดเพื่อเปลี่ยนสู่ส่วนด้านหลังที่มีการบูรณะใหม่ มีการจัดแนววางพระพุทธรูปหันเข้าสู่ลานในอาคาร สลับกันระหว่างปิดผนังทึบและเปิดผนังอาคารเพื่อสร้างความน่าสนใจ



ออก มาส่วนด้านท้ายวัดเป็นซากโบราณสถานที่ยังคงเหลืออยู่ เพื่อเป็นการระลึกถึงประวัติศาสตร์และความเป็นมาซึ่งรักษาไว้ให้คนรุ่นหลัง ได้ศึกษาสถาปัตยกรรมไทยที่ดีงามต่อไป


การเดินทางย้อนรอยสถาปัตยกรรมพื้นถิ่น (วันที่ 8)

หมู่บ้านริมทาง
วันที่แปด ในช่วงเช้าแวะหมู่บ้านริมทาง จังหวัดสุโขทัย มีลักษณะของรูปแบบบ้านไทยพื้นถิ่น ที่มีการใช้วัสดุภายในท้องถิ่นมาใช้ รวมถึงการเลือกเปิดใต้ถุนเพดานสูงเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้งานแบบรวมกลุ่ม ทำให้เกิดการปฏิสัมพันธ์ของผู้ใช้งานมากขึ้น


ทาง เดินไปสู่บ้านพักในส่วนด้านหลังจะเป็นป่าไผ่ ซึ่งมีการปลูกสมุนไพรผสมผสานไปกันด้วย (ต้นสมุนไพรมีขนาดใหญ่มาก) ซึ่งมีความร่มรื่น และน่าประทับใจมาก ส่วนด้านหลังสุดของหมู่บ้าน ติดกับริมน้ำ มีการปลูกเป็นแนวป่าไผ่ และในบางบริเวณมีการปลูกแพเล็กๆยื่นขึ้นออกไปเพื่อเพิ่มพื้นที่การใช้งานริม ฝั่งน้ำด้วย



วัดพระศรีรัตนมหาธาตุเฉลียง
เดินทางเข้ามาสู่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุเฉลียง โดยเดินทางผ่านสะพานแขวนขนาดใหญ่ข้ามแม่น้ำมา เมื่อมาถึงภายในขอบเขตวัดพระศรีรัตนมหาธาตุเฉลียง บริเวณโดยรอบเป็นพื้นดินแดงและพื้นหญ้า มีการกั้นเขตพื้นที่ภายในส่วนของพระปรางค์ โดยกำแพงหินศิลาแดงโดยรอบ ซุ้มประตูทางเข้าด้านหน้าลักษณะเป็นปรางค์รูปแบบจากขอม เข้ามาส่วนภายในจะมีลักษณะเป็นคอร์ดหญ้าล้อมรอบ มีส่วนของเจดีย์ด้านข้างประกอบกัน  และส่วนกลางเป็นพระปรางค์แบบไทย(ดัดแปลงมาจากขอมในภายหลัง) 


สิ่งที่น่าประทับใจ คือ พระพุทธรูปปางลีลา ซึ่งมีท่วงท่าซึ่งมีความสวนงามมากอีกองค์หนึ่ง


โรงแรมสุโขทัย เฮอร์ริเทจ รีสอร์ท
เดินทางอย่างรวดร็วมาสู่โรงแรมสุโขทัย เฮอร์ริเทจ รีสอร์ท ที่นัดเวลาไว้ รูปแบบทางสถาปัตยกรรมที่นำมาเป็นส่วนประกอบเป็นสถาปัตยกรรมยุคสุโขทัย การวางผังบริเวณ มาปรับให้เกิดความนำสมัยมากขึ้น ทั้งในส่วนทางเข้าที่นำรูปปั้นช้างลอยตัว มาประดับ คล้ายคลึงกับวัดช้างล้อมที่มีความเชื่อในเรื่องของสัตว์มงคล 

การเปิดพื้นที่ส่วนกลางเป็นส่วนโถงรองรับ สร้างบ่อน้ำไล่อากาศร้อน วางอาคารห้องพักโดยรอบ เลือกรูปแบบหลังคาหลังจั่ว ซ้อนกันหลายชั้น และรูปแบบช่องเปิดแนวยาว ที่เป็นเอกลักษณ์หนึ่งของสุโขทัย รวมถึงยังมีการเล่นวัสดุทั้งอิฐ ปูนขาวและการใช้แสงธรรมชาติ ทำให้เกิดแสงสลัว ไม่พึ่งพาแสงประดิษฐ์มากเหมือนเช่นในปัจจุบัน




สนามบินสุโขทัย
เดินทางต่อสู่สนามบินประจำจังหวัดสุโขทัย มีการนำรูปแบบทางสถาปัตยกรรมไทยยุคสุโขทัยมาปรับใช้ ทั้งรูปแบบหลังคา และการจัดผังบริเวณ เนื่องจากเป็นอาคารที่รองรับผู้โดยสารจำนวนไม่มาก ทำให้สามารถจัดองค์ประกอบได้อย่างสวยงาม และไม่วุ่นวายได้ ภาพแรกที่ก้าวเข้าไปในสนามบิน รู้สึกถึงความเป็นไทยมาก แต่ร้อนมากเช่นเดียวกัน แต่เมื่อเข้าไปภายใต้อาคาร บรรยากาศภายในมีความร่มรื่น และไม่ร้อนอย่างที่คิดไว้ ทั้งในส่วนรับรองผู้โดยสารทั้งขาเข้าและออก มีการใช้เรื่องของการระบายอากาศทั้งทางเปิดผนังและหลังคาสูงได้ดี มีการประดับตกแต่งที่ดึงนำเอาความเป็นสุโขทัยเข้ามาประกอบใช้ได้ดี



อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย

วัดนางพญา
เดินทางไม่นานก็มาถึงสถานที่สำคัญ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย ส่วนของอุทยานประวัติศาสตร์ ทางเดินเข้าสู่ภายในตัวอุทยานประวัติศาสตร์ มีลักษณะเป็นสะพานทางเดินทางปกคลุมไปด้วยมอสและหนองน้ำที่เป็นสีเขียว ทำให้บรรยากาศโดยรอบมีลักษณะชุ่มชื้น  สามารถนำไปปรับใช้ในเรื่องของการจัดผังได้ดี มาถึงส่วนวัดแรก วัดนางพญา 


มีความสวยงามในลักษณะของการเป็นการจัดวางผังที่เป็นสัดส่วนต่างๆตามลักษณะของสุโขทัย มีการเล่นลวดลายของผนังและเสาศิลาแลงที่ละเอียด ยังคงมีร่องรอยที่เหลือให้เห็นได้ค่อนข้างชัดเจน รวมถึงการเล่นของระดับที่มีการขึ้นลงระดับชั้นจากพื้น แนวเสา การก่ออิฐต่างๆ ทำให้เกิดเส้นนอนที่ชัดเจน เกิดมิติทางมุมมองที่สวยงาม




วัดเจดีย์เจ็ดแถว
ต่อมาที่ วัดเจดีย์เจ็ดแถว ลักษณะแปลนของการวางผังอาคารเป็นไปตามลักษณะของชื่อวัด คือ แบ่งแจดีย์ตามส่วนต่างๆ เจ็ด แถว (แต่ยังนับไม่ค่อยเข้าใจมากเท่าไร) การวางเจดีย์ และพระพุทธรูปจะประกอบอยู่ตำแหน่งรอบๆ ส่วนที่สวยงามของวัดเจดีย์เจ็ดแถว คือ แนวการวางอาคาร ที่ประกอบไปด้วยส่วนกลางที่เป็นเจดีย์ประธานรูปดอกบัวตูม

และ พระพุทธรูปที่ประดับตกแต่งอยู่ตามส่วนของเจดีย์บริวารที่ถูกจัดวางรายล้อม เจดีย์ประธาน ซึ่งมีลักษณะของพระพุทธรูปปางต่างๆ มีท่วงท่าที่สวยงาม เช่น ส่วนด้านท้ายวัดจะเป็นพระพุทธรูปปางนาคปรกที่ลักษณะเป็นนูนสูงกึ่งสามมิติ


วัดช้างล้อม
วัดถัดจากวัดเจดีย์เจ็ดแถว คือ วัดช้างล้อม รูปแบบสถาปัตยกรรมในยุคสุโขทัยเป็นรูปทรงเจดีย์ครอบฐานกลม ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่รูปปั้นลอยตัวรูปทรงช้างที่ประดับอยู่รายล้อมเจดีย์ทั้งหมด 39 เชืออก ซึ่งเชื่อว่าเป็นการนำสัตว์มงคลมาจะช่วยในการปกป้องและค้ำจุนเจดีย์และพระพุทธศาสนาไว้
และแวะจุดสุดท้ายที่หมู่บ้าน (คุ้ม 10 ราชพฤกษ์)




การเดินทางย้อนรอยสถาปัตยกรรมพื้นถิ่น (วันที่ 7)

อ่างเก็บน้ำสรีดภงส์ (ทำนบพระร่วง)
วันที่เจ็ด เข้าสู่อ่างเก็บน้ำสรีดภงส์ (ทำนบพระร่วง) เป็นทำนบเก็บน้ำทำขึ้นเพื่อเป็นอ่างเก็บน้ำเวลาที่ฝนตก หรือในช่วงหน้าแล้ง การรักษาสภาพแวดล้อมโดยรอบทำให้เกิดความเป็นธรรมชาติมาก สามารถนำมาปรับใช้กับการสร้างพื้นที่ที่ต้องการนำเอาความเป็นธรรมชาติเข้ามาประกอบใช้ได้เป็นอย่างดี



อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย

วัดมหาธาตุ
เข้าสู่สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย มีการดูแลรักษาความเป็นโบราณสถาน และปูชนียสถานเอาไว้ สถาปัตยกรรมในอุทยานจะเป็นสถาปัตยกรรมในยุคสุโขทัย ผสมกับความเป็นขอม ซึ่งได้รับอิทธิพลมา วัดแรกคือ วัดมหาธาตุ มีความร่มรื่น ชุ่มชื้น ทั้งพื้น น้ำต่างถูกครอบคลุมไปด้วยมอส ตะไคร่ เกิดเป็นพื้นที่สีเขียว


ทัศนียภาพ ภายนอก ให้ความรู้สึกใหญ่โต และน่าเคารพอย่างมาก เมื่อเข้าไปในพื้นที่บริเวณวัด ผ่านแนวกำแพง พื้นหญ้ารอบข้าง และบ่อน้ำ ก็ได้ความรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ รูปแบบงานทางสถาปัตยกรรมบ่งบอกออกถึงความเป็นอยุธยา ทั้งการก่ออิฐ การใช้เสาศิลาแลง

การ ใช้หินศิลาแลงในการสร้างฐานราก การจัดวางแนวของเจดีย์ขึ้นจากความต้องการล้อมส่วนของลานขนาดใหญ่ในส่วนกลาง ส่วนพระพุทธรูปต่างๆ ถูกซ่อนตามเจดีย์รอบข้าง ส่วนที่น่าประทับใจ คือบริเวณของฐานเจดีย์กลาง มีการก่อรูปปั้นพระพุทธรูปนูนออกมาจากฐาน พนมมือ เวียนขวา เมื่อคนมองทำให้รับรู้โดยง่ายว่าต้องการให้คนเดินรอบเจดีย์ เวียนขวาไปตามแนวพระพุทธรูป


วัดศรีสวาย
เดินต่อมาจากวัดมหาธาตุ ผ่านทางเดินหญ้าและแนวเขินน้ำ เจอกับแนวกำแพงยาวปิดกั้นบริเวณภายใน เข้ามาส่วนภายในเป็นปรางค์ 3 องค์ รูปแบบศิลปะลพบุรี ตั้งอยู่บนฐานไม่สูงมาก ข้างล่างมีทางลงเล็กๆ มีการเล่นระดับของทางเดินที่ซับซ้อน ด้านหลังมีบ่อน้ำช่วยสร้าง ภาพสะซ้อนของปรางค์ทำให้เกิดความสวยงามมาก

ส่วน ที่น่าประทับใจของวัดนี้ คือเรื่องของลวดลายบริเวณปรางค์ที่มีการใส่ลวดลายที่ละเอียดละออเป็นลวดลาย พญานาค และการเปิดช่องเปิดบริเวณกำแพงที่มีการเว้นระยะ ช่องเปิดแนวตั้งที่ช่วยเปิดการเชื่อมต่อ (สันนิษฐานว่าน่าจะมีการคลุมหลังคาในส่วนที่เชื่อมต่อนี้ลงมาถึงกำแพงด้าน ข้างและถ่ายน้ำหนักลงพื้น)


 
ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
ย้อนกลับมาที่ศูนย์ให้บริการสำหรับนักท่องเที่ยวก่อน เพราะนัดเวลาไว้ รูปแบบงานสถาปัตยกรรมเป็นแบบสุโขทัย มีการวางผังบริเวณที่เรียบง่าย เน้นลานพื้นที่ใช้งานส่วนกลาง ช่วยให้เกิดมุมมองในแต่ละอาคารที่สามารถเห็นอาคารให้เต็มสัดส่วน อาคารด้านหลังมีการยกใต้ถุนสู่ เจาะลานกลางใต้มีต้นไม้ทะลุขึ้นไปถึงชั้นสอง เพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างแต่ละส่วนการใช้งาน
วัดพระพายหลวง
เดินทางต่อสู่วัดพระพายหลวง เป็นโบราณสถาน ที่มีปรางด้านหน้าที่มีรายละเอียดการตกแต่งลวดลายพญานาค ที่งดงาม และประกอบไปด้วยพระพุทธรูปปรางต่างๆที่มีความสวยงามทางด้านท่วงท่าลีลา 

วัดศรีชุม
ออกเดินทางต่อสู้วัดศรีชุม ลักษณะเด่นของวัดนี้ อยู่ที่ช่องเปิดผนังทางด้านหน้าที่เป็นช่องเล็กๆสูงๆ คล้ายรูปใบไม้รีๆ ทำให้เกิดมุมมองที่แคบ ทะลุผ่านไปเจอกับพระพุทธรูปองค์ขนาดใหญ่ที่เหมือนซ่อนตัวอยู่ภายใน มีการบีบมุมองให้เกิดความแปลกตา
บ้านป้าปิ่น สีชอล์ค
ที่สุดท้ายของวัน ที่เยอะมาก บ้านป้าปิ่น เป็นเรือนไม้ธรรมดา ในแวบแรกที่เห็นนึกว่าน้ำท่วม แต่เห็นว่าสวยดี สุดท้ายรู้ว่า เป็นความตั้งใจ มีการทำทางเดินผ่านน้ำด้านล่าง ทำให้เกิดความรู้สึกเป็นสัดส่วน น่าสนใจ นอกจากนี้มีการเล่นระดับที่เรียบง่ายแต่ได้ประโยชน์ แบ่งพื้นทีส่วนต่างๆภายในได้คุ้มค่า โดยไม่มีการกั้นผนัง

การเดินทางย้อนรอยสถาปัตยกรรมพื้นถิ่น (วันที่ 6)

บ้านเสาหนัก
วันที่ หก มุ่งหน้าไปสู่จังหวัดสุโขทัย แต่ผ่านตัวเมืองลำปางก่อน เดินทางไปยังบ้านเสาหนัก สถาปัตยยกรรมพื้นถิ่น การจัดพื้นที่ลานด้านหน้าใช้ความเรียบง่ายของเส้นและใช้หินกรวดในการปูทางเดินแทนการใช้คอนกรีตตามสมัยนิยม ทำให้เกิดความกลมกลืนทั้งสีสันและลวดลายที่สะท้อนออกมา


ลักษณะเด่นของที่นี่ คือการเปิดใต้ถุนที่ก่อสร้างด้วยอิฐแดง ขุดลงไปด้านใต้ ทำให้เกิดพื้นที่ใช้งานที่เพิ่มขึ้น และน่าสนใจ บนตัวเรือนมีการประดับตกแต่ง เก็บรวบรวมของในสมัยโบราณไว้ให้ได้ศึกษา เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีความสวยงาม และทรงคุณค่า



บ้านวังค่า หมู่ 4 อำเภอ ศรีสัชนาลัย
เดินทางถึงสุโขทัย แวะหมู่บ้านริมทาง ในเขตอำภอ ศรีสัชนาลัย เป็นหมู่บ้านรูปแบบสถาปัตยกรรมพื้นถิ่น เน้นวัสดุที่มีในชุมชน นำมาประกอบสร้างอาคาร ซึ่งวิธีการก่อสร้างจะเน้นไปที่การใช้งานชั้นบน โถงล่างจะไม่ค่อยได้ใช้งาน อาจมีการใช้งานเพื่อเก็บของเครื่องใช้ หรือตากผักผลไม้ เพราะเผื่อมีน้ำท่วม มีการใช้ระนาบเรียบๆหลายอย่างเช่น ไม้ สังกะสี เป็นแนวยาว เหมาะกับงานสมัยใหม่


รวม ถึงมีการใช้โครงสร้างใต้ถุน เชื่อมต่อกับกลายเป็น กรอบรูปเปิดมุมมองไปสู่สวนด้านหลังบ้าน ที่มีการปลูกพืชพรรณไม้นานาชนิด น่าประทับใจมาก


การเดินทางย้อนรอยสถาปัตยกรรมพื้นถิ่น (วันที่ 5)

วัดอิทราวาส (วัดต้นแกว๋น)
วันที่ ห้าของการเดินทาง เดินทางมายังสถานที่ที่เมื่อเข้ามาในช่วงเวลาแรกแล้วไม่รู้สึกถึงความป็นวัดมากสักเท่าไร เพราะเนื่องทางเข้าที่ต้องเดินเข้าไป แล้ววกกลัมาถึงเข้าไปในทางด้านหน้า ซึ่งเป็นลานทรายกว้าง ลานทรายนี่เองที่เป็นเอกลักษณ์ความเป็นวัดในตามแบบฉบับล้านนา 


ด้วยรูปแบบการวางตัวอาคาร และอุโบสถทำให้รู้สึกว่า มีความสงบนิ่งเหมาะสำหรับเป็นสถานที่ ควรแก่การให้ความเคารพ และยิ่งด้วยศาลาด้านซ้ายของตัววัดที่มีลักษณะเด่นด้านการเลือกใช้โครงการที่พิเศษกว่าศาลาอื่นทั่วไป ในส่วนของหลังคา ที่มีส่วนใช้ขื่อค้ำดั้งไว้ แต่เป็นดั้งที่เอียงไปตามแนวหลังคา ซึ่งแปลกกว่าหลังคาเรือนไทยปกติ ที่มีตั้งขิ่อตรงๆไว้ สรุปแล้วคือ มีความแปลกเป็นเอกลักษณ์ และสวยงาม ได้แบบฉบับแบบวัดไทยล้านนามาก


วัดต้นกอก หมู่บ้าน ตำบลบ้านกลาง หมู่บ้านต้นแหนน้อย
ออกรถต่อ แวะชมหมู่บ้านข้างทางรอบๆวัดต้นกอก เป็นรูปแบบหมู่บ้านพื้นถิ่น ที่ใช้วัสดุธรรมชาติ เน้นที่การเปิดพื้นที่ว่างในการใช้งานในแต่ละสัดส่วนให้มีความสะดวกสบาย สังเกตได้จาก บ้านส่วนใหญ่จะเปิดโถงด้านหน้า ผสมกับใต้ถุนอาคารที่เปิดสูง ใช้งานได้เพิ่มมากขึ้น โปร่งสบาย


ส่วน ที่ประทับใจมีทั้งการเลือกใช้วัสดุที่ทำให้เกิดลวดลายต่างๆ ทั้งการทัก และสาน ทำให้เกิดความสวยงาม พื้นที่ว่างในการใช้งาน พื้นที่ปิดล้อม กั้นแบ่งสัดส่วน โดยใช้อาคารรอบข้างในการปิดบัง หรือใช้ไม้ไผ่ในการปิดล้อมเช่นเดียวกัน  และ อุดมสมบูรณ์มาก (ลำใยเยอะมาก)