ถามเรื่องประวัติส่วนตัว เรียนที่ไหนมาบ้าง ?
ประวัติ Mr. Silawat Arakwechakul (Pob)
จบการศึกษามัธยมศึกษา Satriwitthaya 2 School, Bangkok
จบการศึกษาปริญญาตรี B.Arch KMIT'Ladkrabang
จบการศึกษาปริญญาโท Master in Real Estate Business, Thammasat
ปัจจุบันทำงาน ArakStudio
ในสมัยเรียน พี่ใช้ชีวิต หรือมีกิจกรรมในคณะยังไงบ้าง ?
พี่นอนเยอะ คือ ตอน THESIS adviser ของพี่ คือ อาจารย์ไก่ อาจารย์ก็จะแบบ ให้ทำงาน plan ไว้ล่วงหน้า พวก process วิธีคิดต่างๆ ก็จะมาตั้งแต่ข้างต้นเลย คือ เพลท process ก็จะเสร็จก่อน ถึงตามมาด้วย production มันก็จะทำให้เราไม่ต้องเหนื่อยมากกับการทำงาน thesis พี่ก็คิดว่า ถ้าเราplan เวลาได้ดี เราก็หลับนอนตามเวลาได้ พี่ก็เลย นอนตลอดเลย...THESIS ของพี่เป็น คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ศิลปากร จังหวัด นครปฐม งานที่ตอน Pre thesis จะเป็น งานประกวดแบบที่ ญี่ปุ่น
พี่เริ่มคิดวางแผนยังไง ว่าหลังจบจะทำงานหรือเปิดบริษัทยังไงบ้าง ?
หลังจบ พี่ออกมาทำงานบริษัทเกือบปีหนึ่ง ซัก 10-11 เดือน ที่ Bensley design studios เค้าทำเกี่ยวกับ landscape interior resort ... แต่ว่าตอนออกมาก็คือ ออกมาทำบ้านหลังนี้ เพราะว่างานที่ office มันเยอะ เราจะทำบ้าน ไม่มีเวลา เราคุมงานเองด้วย เลยตัดสินใจออกมา และก็รับงานเอง ก็เลยเป็นจุดเริ่มของงานที่เราจะมาทำเอง และงานที่มันต่อเนื่อง มันมาจากลูกค้าเป็นคนบอกต่อ คือ ผลงานเราจะเป็นตัวดึงให้คนเข้ามา เพราะอาชีพเรามันโฆษณาไม่ได้ ลูกค้าเนี่ยแหละ ที่เป็นคนโฆษณาตัวงานให้กับเราเอง คือจะมีบ้านอยู่หลังหนึ่ง พี่ไปออกแบบให้เค้าในหมู่บ้าน สาริน ออกแบบเสร็จ ก็สร้าง ...สร้างเสร็จ คนแถวนั้นก็มาดู ขับรถผ่านทุกวัน ก็เลยมาขอเบอร์สถาปนิก แล้วเค้าก็ติดต่อมาที่พี่ เค้าเป็นเจ้าของห้าง เราก็ไปปรับปรุงห้าง ทำบ้านให้เค้าอีก 3 หลัง ต่อเนื่องกันไปอย่างนี้ มันก็ถือเป็นจังหวะของแต่ละคนเหมือนกัน แต่ก็คือ ต้องใส่ใจในงานของเรา เพราะมันเป็นตัวโฆษณาให้กับเราชิ้นดีเลย งานเล็กงานใหญ่ก็ต้องใส่ใจกับมัน
พี่มีระบบวิธีทำงานในบริษัทพี่ยังไงบ้าง ?
Concept การทำงานในบริษัทพี่ คือ ไม่ทำงาน เสาร์-อาทิตย์ พยายามให้น้องทุกคนทำงานตามเวลา เว้นแต่เร่งจริงๆ แต่เราพยายาม plan งานตั้งแต่แรก ไม่ใช่ว่ารับปากเค้าแล้ว ต้องมานั่งเร่ง เคยเมื่อก่อน...เกรงใจลูกค้า รับงานมาแล้ว มีงานซ้อน ก็รับปากเค้าไว้อีก เราก็ต้องมาเร่งตัวเราเอง จริงๆเราแค่บอกว่า “อีกสองอาทิตย์นะครับ” ถ้าเราทำงานได้ เค้ารับได้ มันก็ไม่ต้องเร่ง มันก็จะรู้สึกดีกว่า แล้วก็ถ้าเป็นลูกน้องที่เข้ามาทำงานใน office พี่ก็ให้เข้าแค่ จันทร์ อังคาร พุธ วันพฤหัส ศุกร์ พี่จะให้ทำงานที่บ้าน แต่ว่าต้องเสร็จ ก็คือ คุณต้องรับผิดชอบชิวิตช่วงที่คุณอยู่บ้าน
มีข้อคิด หรือวิธีปฏิบัติในการทำงานอย่างไรบ้าง ?
เวลาทำงานกับลูกค้า เรื่องเวลา เป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะ เวลาเรารับงานมาหนึ่งงานเนี่ย พี่จะพยายามเสนอ Proposal ลูกค้า พร้อมกับ schedule เลย ว่าเราจะมี meeting กัน สองอาทิตย์ครั้ง คือเรารับปากกับลูกค้า เราก็ต้องทำให้ได้ตาม schedule นั้นๆ เพราะเวลา เป็นเรื่องสำคัญสำหรับลูกค้า มันจะเป็นเหมือนการ plan เวลาไปเลย
พี่มีงาน หรือผลงานชิ้นไหนที่ชอบและประทับใจบ้าง ?
The Falls clubhouse มันจะเป็นรีสอร์ทที่หัวหิน เป็นบ้านขายที่เป็นสัญญาเช่า เจ้าของเป็นคนต่างประเทศ ทั้งหมด 69 ไร่ แบ่งเป็นวิลล่า 3 type ชอบตรงที่เป็นงานแรกที่เป็นสเกลที่ใหญ่ขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ก็จะเป็นงานประเภทบ้าน the falls ก็จะประมาณนี้แหละ ลักษณะเป็นเนินเขา ก็รู้สึกว่ามันเป็นโครงการที่ใหญ่พอ และเป็นโครงการนี้สร้างจริง style จะเป็น Bali modern ตามที่เจ้าของว่ามา ตอนนี้ก็จะสร้างเฟสแรกไปแล้ว
พี่มีงานออกแบบเกี่ยวสิ่งแวดล้อม Green architect บ้างไหม?
มี Green Village เป็นหมู่บ้านจัดสรร ที่นครชัยศรี เจ้าของต้องการให้คนเมืองไปอยู่ เค้ามีที่ไม่ใหญ่ 5-6 ไร่ เค้าจะทำหมู่บ้านที่มีพืชผักสวนครัวปลูกให้เสร็จ เพราะฉะนั้น น้ำเราก็ต้องคิดให้เค้า ว่าเราจะเอากลับมาใช้ยังไง แล้วก็เรื่อง tropical design อย่างเจ้าของเค้าจะบอกว่า เค้าจะมีเล้าไก่รวม ถ้ามีไข่ไก่ออกมาเค้าก็จะแจกลูกบ้าน และต้นไม้ที่จะปลูกให้ ทำให้มันเป็นสวน มันก็เป็นลูกเล่น และconcept ของเค้า พี่ก็เรียก project นี้ว่า Green Village
พี่มีปัญหาเกี่ยวกับการติดต่องานกับลูกค้าบ้างไหม ?
ปัญหาของพี่หลักๆ จะเป็นเรื่องภาษา ถ้าเป็นลูกค้าต่างชาติ พี่จะไม่ค่อยถนัด ก็จะให้พี่จอยเป็นคนคุย คือ ลูกค้าก็มีหลายแบบ บางทีลูกค้าอาจไม่ตรงกับเรา พี่ว่า...งานดีดีมันก็เกิดขึ้นจากลูกค้าส่วนนึงด้วย อย่าง Le Blocs ถ้าหากลูกค้าไม่ follow ตามเราแล้วเค้าไม่เชื่อในตัวสถาปนิก งานก็ไม่เกิดขึ้นดีได้ตามที่เราคิด
บางทีเจอลูกค้าที่รู้สึกว่า เราเสนออะไรไป เค้าก็ไม่ค่อยเห็นด้วย มันก็ไม่ได้ตามสิ่งที่เราคิดทั้งหมด เราก็เลยรู้สึกว่า งานมันไม่สมบูรณ์ตามที่เราคิด เค้าไปเจอผู้รับเหมา ก็เริ่มเขว เพราะ เราไม่ได้ไปอยู่กับเค้าทุกวัน เค้าก็จะเปลี่ยนความคิดไปตามผู้รับเหมา เคยมีงาน Design ที่ทำไปแล้วไม่จบ เป็นงานแรกๆด้วยแหละ คือ เราก็ปรับปรุงวิธีการทำงาน สัญญาของบริษัทพี่ก็จะพัฒนามาเรื่อยๆ
พี่ภพได้เข้าไปอยู่หน้างานบ้างไหม ?
ส่วนใหญ่ใน Proposal เราจะ scope ไว้ว่า เราจะเข้า 4 ถึง 5 ครั้งเป็นช่วงๆ ช่วงตีผังเนี่ยพี่จะเข้าไป เพราะมันมีการขยับซ้ายขวา หน้าหลัง มีบาง project ที่แบบตีผังผิด ลงเข็มไปแล้ว สแปน หายไป 3 เมตร 4 เมตร แก้ไขไม่ได้ มันก็เป็นความผิดของผู้รับเหมา เค้าก็ไปจัดการกันเอง ส่วนใหญ่จะเข้าไปช่วง ตีผัง งานโครงสร้าง ที่แบบขึ้นเสร็จหมดแล้ว เห็นอะไรตรงไหนผิดพลาดอะไรยังไง แล้วก็งานก่อ งานfinishing แต่ถ้ามีปัญหาอะไรตรงไหน ลูกค้า โทรมา เราก็ไป หรือประสานงาน เราส่งอีเมล์ มันก็สะดวกดี
พี่มีประเภทงานที่ชอบ หรือถนัด แนวไหนพิเศษบ้างไหม ?
เราก็ไม่ได้มีความถนัดเป็นพิเศษ มันอยู่ที่ว่างานอะไรที่เข้ามาหาเรา เราก็เรียนรู้กับมัน ก็เหมือนกันเราทำ Project ปี 2 ปี 3 มีอะไรใหม่ๆเข้ามาเราก็ต้องหาข้อมูล
พี่คิดกันรุ่นน้องที่จบมาใหม่ ในสมัยนี้อย่างไรบ้าง ?
พี่รู้สึกว่าทุกคนอยากได้อิสระ ไม่อยากเข้า Office อยากทำ freelance รับงานเองเป็นส่วนใหญ่ จริงๆแล้วถ้าจะทำ architect ก็แนะนำควรอยู่ office อย่างน้อย 5 ปี office จะใหญ่หรือจะเล็กก็ตาม ถ้าเป็นงานที่เราโอเค เหมาะกับ office นั้น และคิดว่า เป็นงานที่เราพอได้ มีระบบที่ดี อยู่กับเค้าซัก 4-5 ปี มันจะได้อะไรเยอะมาก ได้ระบบ ได้วิธีการคิด ได้ connection รู้จักช่าง sales เราจะทำยังไงกับมัน บริหารงานยังไง
พี่มีแผนงานอะไรในอนาคตบ้างไหม ?
ตอนนี้เริ่มมีงานเกี่ยวกับ Turn key interior แทรกเข้ามา เพราะว่า ไปรู้จักกับโครงการๆนึง เหมือนให้เราเข้าไปทำ box up บ้านตัวอย่างเค้า พี่ก็เหมือนกับไปco กับช่างที่รู้จักที่ทำ interior ด้วยกัน แล้วก็เป็นคนที่ไปรับหน้างาน ให้ลูกค้าคุยกับเรา แทนที่จะคุยกับช่าง เราก็จะทำแบบให้ แล้วก็สร้างให้ด้วย นี่ก็เป็นอีกบริษัทหนึ่งที่พี่คิดว่าจะมาคู่กัน...อนาคตก็คิดว่า ถ้าหาช่างที่รู้ใจได้ ก็อาจจะรับสร้างบ้าน
ขอบคุณพี่ภพกับพี่จอยมากครับ ที่ช่วยให้คำสัมภาษณ์ ได้เข้าไปเยี่ยมพี่ถึงบ้าน เป็นบ้านแล้วรู้สึกประทับใจมาก แถมยังได้คำแนะนำในหลายๆเรื่อง ได้เรียนรู้จริงๆว่า การทำงานแบบ home office มันเป็นยังไง พี่เป็นกันเองมาก ขอบคุณจริงๆครับ
